Banner Appbeside

ของใหม่น่าสน! Tinder เตรียมปล่อยฟีเจอร์พาวัยรุ่นไปนัดบอด

(Credit: Phonearena)

ทาง Tinder อาจเห็นโอกาสพอดี เพราะแอพพลิเคชั่นหาคู่ในมือถือทั้งระบบแอนดรอยด์หรือ iOS ได้เพิ่มฟีเจอร์ที่หวังว่า

จะทำให้ผู้ใช้สามารถสร้างปฏิสัมพันธ์กับคนใหม่ ๆ ได้ หลังจากที่แพลทฟอร์มของพวกเขามักจะนำเอาผู้คนมากหน้าหลายตา

เข้ามาแนะนำให้ผู้ใช้กัน โดยตอนนี้พวกเขามีฟีเจอร์ใหม่ที่ชื่อว่า Blind Date หรือการนัดบอด ที่จะจับคู่คน

และลองให้พวกเขาได้ตอบคำถามกันเกี่ยวกับนิสัย การใช้ชีวิตหรือจะเป็นเรื่องต่าง ๆ ก่อนจะเปิดหน้าตาของพวกเขาออกมา

ซึ่งคนที่ใช้ฟีเจอร์ใหม่นี้จะได้เห็นหน้ากันหลังจากที่ตอบคำถามและรู้สึกว่า ไปด้วยกันได้

(Credit: Phonearena)

คำถามวัดใจ

ตัวของ Tinder ได้มองว่า ฟีเจอร์ Blind Date ของพวกเขาก็มากจากนิสัยของคนเจน Z ที่เกิดประมาณปี 1997

หรือหลังจากนั้น ซึ่งเป็นคนที่เน้นเรื่องตัวตนมากกว่า และมันยังสะท้อนไปถึงการพบเจอคนเหมือนยุคก่อนปีที่มีสมาร์ทโฟน

ในยุค 90 อีกด้วย ในตัวการนัดบอดนี้ ทางแพลทฟอร์มจะเปิดให้ผู้ใช้ได้ลองตอบคำถามวัดใจไม่ว่าจะเป็น

“คนเราจะใส่เสื้อยืดได้ตั้ง…. ครั้งแล้วค่อยซัก” หรือ “ฉันกิน…กับซอสมะเขือเทศ” ถ้าหากผู้ใช้ตอบคำถามตรงใจกัน

ก็จะเข้าไปกดไลค์กันได้และค่อยเปิดหน้าตาของแต่ละฝ่ายออกมา ถ้าไม่อยากนั้นก็ลองตอบคำถามกันใหม่ได้เช่นกัน

(Credit: Phonearena)

คนใช้เยอะขึ้นเรื่อย ๆ

ต้องยอมรับว่า Tinder ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะนับตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา ช่วงโรคระบาดก็พาให้ผู้ใช้มากมาย

เข้ามาลองหาคู่กันในแอพพลิเคชั่นของพวกเขา แถมยังมีการปัดหาคู่มากกว่าเดิมถึง 11 เปอร์เซนต์และมีคนจับคู่กัน

ได้มากถึง 42 เปอร์เซนต์ต่อผู้ใช้กันเลยทีเดียว โดยทาง Kyle Miller รองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์ได้ออกมาให้สัมภาษณ์

ถึงฟีเจอร์ใหม่ของพวกเขาไว้ด้วยว่า “มันเป็นสิ่งที่พิเศษมากจริง ๆ ที่จะให้บทสนทนาเป็นการแนะนำตัวใครสักคน

โดยไม่ต้องมีการตัดสินกันไปก่อนล่วงหน้าจากการเห็นแค่รูป”

ตอนนี้ Tinder ก็น่าจะเป็นตัวช่วยสำหรับคนที่หาคู่กันอยู่ เพราะตอนนี้การที่มีฟีเจอร์นัดบอดหรือ Blind Date ขึ้นมา

ก็ยิ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำความรู้จักกับคนใหม่ ๆ ได้มากกว่าเดิม แถมไม่มีการตัดสินไปก่อนหน้าจากการเห็นแค่รูปอีกด้วย

โดยในตอนนี้ที่โรคระบาดเริ่มเบาบางลงแล้ว ผู้ใช้ทุกคนก็อาจใช้โอกาสในการหาคู่เพื่อนำอีกฝ่ายไปทำกิจกรรมอื่น ๆ ได้

หลังจากกักตัวกันมาหลายปีเลยนั่นเอง

Credit: PCMag

Author: CC